วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ประวัติความเป็นมาของ การเป่าแก้ว

ประวัติการเป่าแก้ว

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์รู้จักและคุ้นเคยกับแก้วเป็นอย่างดี อุปกรณ์ ของใช้ ภาชนะต่างๆ มากมายทำขึ้นมาจากแก้ว ทั้งนี้เนื่องจากแก้วที่มีใช้งานกันอย่างกว้างขวางนั้นมีสมบัติที่ดี 3ประการ คือ มีความโปร่งใส   มีความแข่งแกร่ง และมีความทนทานต่อสารเคมี  นอกจากนี้มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของแก้วชนิดพิเศษต่างๆ ถูกคิดค้นเพื่อการนำไปใช้วัตถุประสงค์ที่กำหนดถึงแม้ความก้าวหน้าทางด้านพลาสติก และเทคโนโลยีของโพลิเมอร์จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้พลาสติกถูกผลิตออกมาใช้งานอย่างกว้างขวางในทุกกิจการก็ตาม แต่พลาสติกไม่อาจทนแทนแก้วได้อย่างสมบูรณ์

ศิลปะของการเป่าแก้ว ถูกค้นพบแถบตะวันออกกลาง บริเวณชายฝั่งทะเลที่ชาวโพลินีเซียน อาศัยอยู่ จาก บันทึกและนิยายพื้นบ้าน พ่อค้าชาวโพลินีเซียน พบแก้วโดยบังเอิญขณะตั้งค่ายพักแรมริมชายทะเล โดยพบว่าบริเวณหาดทรายที่ใช้ก่อเตาประกอบอาหารมีของเหลวใสเกิดขึ้น  ในการก่อเตานั้นพ่อค้าใช้หินโทรนา(Trona)  มาวางบนหาดทรายสำหรับเป็นที่รองรับราวแขวนหม้อประกอบอาหาร ความร้อนจากไฟทำให้ทรายและหินโทรนาหลอมรวมกัน เมื่อดับไฟจึงเกิดการเย็นตัวลงของส่วนผสม  ทำให้ได้วัสดุใหม่ คือ แก้ว ที่เราใช้ในปัจจุบันนี้  มีนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่คิดว่า  พ่อค้าเหล่านั้นคงจะโยนเปลือกหอยหรือกระดองปูเข้าไปใช้กองไฟด้วย 


ก่อนคริสตศักราช  20 ปี  มีการค้นพบกรรมวิธีในการทำเครื่องประดับจากแก้ว ภาชนะที่ทำจากแก้ว  และของมีค่าอื่นๆ  ที่ทำด้วยแก้วในซากปรักหักพังของเมืองปอมเปอี การผลิตภาชนะหรืองานศิลปะต่างๆ จากแก้ว ยังคงใช้วิธีการเป่าแก้วมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ การเป่าลมผ่านเข้าไปในด้านหนึ่งของท่อโลหะกลวง ดดยที่ด้านตรงข้ามเป็นแก้วที่หลอมเหลวถูกหมุนจนรวมกันเป้นก้อน ผู้ที่เป่าแก้วสามารถควบคุมรูปร่าง ขนาดได้ตามต้องการในขณะที่แก้วกำลังร้อนอยู่ โดยการใช่อุปกรณ์ตกแต่งที่ทำด้วยไม้หรือการเข้าตาหลอมหลายครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น